ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด งดการเผาแล้ว ก็ยังคงเดินหน้ารณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจต่อสังคม
อย่างต่อเนื่องว่าโครงการนี้ได้ประโยชน์กับใครบ้าง โดยได้ที่หนึ่งคือได้งาน ได้อาชีพ ผู้รับเหมาหรือ
ผู้รับจ้างในท้องถิ่นเกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้จากค่าอัดใบอ้อย ค่าคีบใบอ้อย ค่าขนส่งใบอ้อย รวมประมาณ 500 บาทต่อตัน ได้ที่สองคือได้เงินเพิ่ม ชาวไร่อ้อยได้เงินเพิ่มจากการขายใบอ้อย1,000 บาทต่อตัน (ราคารับซื้อหน้าโรงงาน) ได้ที่สามคือได้กระตุ้นเศรษฐกิจ กำไรที่เหลือจากการ
ขายใบอ้อยประมาณ 500 บาทต่อตัน เมื่อชาวไร่อ้อยนำมาจับจ่ายใช้สอย ก็จะเกิดเป็นรายได้หมุนเวียน
5 เท่า ส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งและชุมชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และได้ที่สี่คือได้สิ่งแวดล้อมที่ดี
ลดมลพิษ น้ำสะอาด ดินดี อากาศดี
การขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรของไทย ภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้สภาวะอากาศแปรปรวน เกิดเป็นปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้ง กลุ่มมิตรผลตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายด้านความยั่งยืน เห็นได้จากการส่งเสริมให้ชาวไร่อ้อยเปลี่ยนมาทำเกษตรสมัยใหม่แบบ “มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม” ที่เน้นการนำเครื่องจักรกลการเกษตร และการบริหารจัดการสมัยใหม่เข้ามาใช้
มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการเผาอ้อยได้อย่างยั่งยืน การรณรงค์ส่งเสริมให้ความรู้กับสังคมในครั้งนี้ เพราะเราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังในภาคอุตสาหกรรมเกษตรของไทยที่จะสามารถแข่งขันและก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน เราไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเพียงแค่กระแสและจบลงในระยะเวลาอันสั้น
จึงอยากเห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะมาช่วยกันสร้างความยั่งยืนให้กับสังคม”
BUNTERNGSOCIETY
EMAIL : info@bunterngsociety.com
© Copyright 2019 bunterngsociety - All rights reserved.